
ในประเทศไทย เราพบอุบัติเหตุรสบัสครั้งใหญ่เป็นระยะ ทั้งทัศนศึกษา รถทัวร์ หรือรถเช่าเหมาจัดทัวร์ ซึ่งหลายครั้งสร้างความสูญเสียจำนวนมาก คำถามคือ…
ระหว่าง “บัสชั้นเดียว” กับ “บัสสองชั้น” แบบไหนเสี่ยงกว่ากัน?
และความเสี่ยงเกิดจากอะไร?
มาดูภาพรวมแบบเข้าใจง่ายกันครับ ![]()
1) จุดศูนย์ถ่วงและโอกาส “พลิกคว่ำ”
รสบัสสองชั้น มีจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่า → เสี่ยงต่อการ “พลิกคว่ำ” มากกว่าในสถานการณ์เลี้ยวเร็ว ๆ หลบรถกะทันหัน หรือวิ่งบนทางโค้งลงเขา
รสบัสชั้นเดียว จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า → ความเสี่ยงพลิกคว่ำจึงน้อยกว่าในเงื่อนไขเดียวกัน
นี่คือสาเหตุที่หน่วยงานรัฐไทยเคย “จำกัดเส้นทาง” ที่อนุญาตให้รถสองชั้นวิ่ง โดยเฉพาะเส้นทางชันและคดเคี้ยว
2) ความยากในการอพยพเมื่อเกิดเหตุ
รถสองชั้น มีบันได ทางหนีไฟต้องผ่านชั้นล่าง เวลารถพลิกหรือเกิดไฟไหม้จะอพยพยากกว่า
รถชั้นเดียว อพยพง่ายกว่า เพราะอยู่ในระดับเดียวกับทางออกทั้งหมด
ในเหตุการณ์จริง บันไดคือจุดที่ทำให้เสียเวลาอพยพมาก และมีผู้บาดเจ็บเพิ่มจากการลื่นล้ม
3) ปัญหาความสูงและสภาพเส้นทาง
รถสองชั้น สูงเกือบ 4 เมตร → เสี่ยงต่อการชนป้าย สะพาน หรือกิ่งไม้ขนาดใหญ่ เหมาะกับเส้นทางราบมากกว่า
รถชั้นเดียว คล่องกว่า เข้าซอยได้ง่ายกว่า และมีปัญหา clearance น้อยกว่า
4) ปัจจัยที่เป็นสาเหตุร่วมของอุบัติเหตุในไทย (เกิดกับทั้งสองแบบ)
จากข้อมูลเหตุการณ์ในไทย หลายครั้งสาเหตุไม่ได้มาจาก “รถกี่ชั้น” แต่เป็นเรื่องเหล่านี้:
– เบรกเสีย / ยางระเบิด
– บำรุงรักษาไม่ดี
– ใช้ความเร็วบนทางชัน
– คนขับพักผ่อนไม่พอ
บรรทุกเกิน
สรุปคือ ถ้าระบบรถไม่พร้อม ไม่ดูแล บัสชั้นเดียวก็เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้เช่นกัน
สรุปแบบเข้าใจง่าย
ประเภทบัส
สองชั้น (Double-deck) โครงสร้างสูงพลิกคว่ำง่ายกว่า, เสี่ยงต่อการชน, อพยพยากกว่า
ชั้นเดียว (Single-deck)เสถียรภาพดีกว่า อพยพง่าย คล่องตัวกว่า
แล้วเราควรเลือกแบบไหนเวลาจะเช่ารถ/ออกทริป?
ถ้าเส้นทางเป็นภูเขา โค้งชัน ทางลงยาว → แนะนำ “บัสชั้นเดียว” เพื่อความเสถียร
ถ้าเส้นทางราบ วิ่งไกลในทางหลวงใหญ่ และเป็นรถบริษัทที่มีมาตรฐานดี → สองชั้นก็ใช้ได้ปลอดภัย
แต่ไม่ว่ารถแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ
บริษัทที่ได้มาตรฐาน คนขับที่ผ่านการฝึก และมีการตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
